บทคัดย่อ:ทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืดต่างก็มีผลกระทบที่แตกต่างกันในมุมมองนักเทรด แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสภาพตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม ถ้าเงินเฟ้อมาสูง เราต้องมองหาสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ แต่ถ้าเงินฝืดมาแรง การถือเงินสดหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอาจเป็นทางรอด หมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจและปรับกลยุทธ์ให้ทัน เกมเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้ารู้ทัน เราก็ชนะ!

แอดเหยี่ยวขอมาพูดเรื่องใหญ่ที่สะเทือนตลาดการเงินและกระเป๋าเงินของพวกเราแบบไม่รู้ตัว นั่นคือ เงินเฟ้อ และ เงินฝืด สองปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปรียบเสมือน “ดาบสองคม” ถ้าเรารู้ทันก็ทำกำไรได้ แต่ถ้าประมาทอาจเจ็บหนัก
ทั้งสองปรากฏการณ์นี้ส่งผลต่อทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่ราคากาแฟที่เราดื่ม ไปจนถึงมูลค่าของพอร์ตการลงทุน มาดูกันว่าเราควรรับมือยังไงในฐานะนักเทรดที่พร้อมปรับตัวทุกสถานการณ์!

เงินเฟ้อ (Inflation): เมื่อทุกอย่างแพงขึ้น
เงินเฟ้อคือสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเงินในมือเรามีอำนาจซื้อน้อยลง เช่น เมื่อก่อนเงิน 100 บาทซื้อของได้เยอะ แต่วันนี้อาจซื้อได้น้อยลงทั้งๆ ที่จำนวนเงินเท่าเดิม
อะไรทำให้เกิดเงินเฟ้อ?
- ความต้องการสูงเกินไป (Demand-pull inflation): เมื่อผู้คนอยากซื้อของเยอะขึ้น เช่น ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังวิกฤติ ความต้องการสินค้าเพิ่มจนสินค้ามีไม่พอ ราคาจึงพุ่งสูง
- ต้นทุนสูงขึ้น (Cost-push inflation): ราคาน้ำมัน ค่าแรง หรือวัตถุดิบแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและราคาสินค้าปรับตัวตาม
- ปริมาณเงินในระบบมากเกินไป (Monetary inflation): การอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ เช่น การพิมพ์เงินเพิ่มหรือดอกเบี้ยต่ำเกินไป
เงินเฟ้อกระทบตลาดยังไง?
- ตลาดหุ้น
- หุ้นกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์มักได้ประโยชน์ เพราะราคาสินค้าพวกนี้ปรับตัวขึ้นตามเงินเฟ้อ
- แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่ใช้ต้นทุนสูง อาจเจอปัญหาเพราะกำไรลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัย
- ทองคำมักถูกมองว่าเป็น “ตัวป้องกันเงินเฟ้อ” เพราะรักษามูลค่าได้ดีกว่าเงินสด
- สกุลเงินและคริปโต
- เงินเฟ้ออาจทำให้สกุลเงินอ่อนค่า แต่คริปโตอย่าง Bitcoin บางคนมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่อาจช่วยป้องกันความเสี่ยง
เงินฝืด (Deflation): เมื่อทุกอย่างถูกลง แต่เศรษฐกิจชะงัก
เงินฝืดคือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการลดลงเรื่อยๆ ทำให้เงินในมือเรามีค่ามากขึ้น เช่น สมาร์ทโฟนที่ปีนี้ราคาถูกกว่าปีที่แล้ว แต่ปัญหาคือคนเริ่มชะลอการใช้จ่าย เพราะคิดว่าราคาจะลดลงอีก
อะไรทำให้เกิดเงินฝืด?
- ความต้องการลดลง (Demand shortage): เช่น ช่วงเศรษฐกิจซบเซา คนตกงานหรือมีรายได้ลดลง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง
- การผลิตล้นตลาด (Oversupply): เมื่อสินค้ามีมากเกินไปแต่คนซื้อไม่ทัน ราคาจึงลดลง
- ปริมาณเงินในระบบลดลง: เช่น การปล่อยสินเชื่อเข้มงวดหรือคนออมเงินมากกว่าลงทุน
เงินฝืดกระทบตลาดยังไง?
- ตลาดหุ้น
- หุ้นส่วนใหญ่จะโดนผลกระทบหนัก เพราะรายได้และกำไรของบริษัทลดลง
- แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าจำเป็น อาจยังพอเติบโตได้
- พันธบัตรและเงินสด
- ช่วงเงินฝืด ดอกเบี้ยมักลดลง ทำให้พันธบัตรหรือเงินสดดูเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ
- สินทรัพย์เสี่ยง
- นักลงทุนมักลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นหรือคริปโต แล้วหันไปถือเงินสดหรือพันธบัตรแทน
นักเทรดควรรับมือยังไง?
เงินเฟ้อ
- เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์
- พิจารณาเพิ่มสินทรัพย์ที่มูลค่าปรับตัวตามเงินเฟ้อ เช่น อสังหาริมทรัพย์
เงินฝืด
- มองหาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าจำเป็น
- เก็บเงินสดหรือพันธบัตรในพอร์ตเพิ่ม เพราะดอกเบี้ยมักลดลง
บทสรุป อยู่รอดได้ทุกสถานการณ์
ทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืดต่างก็มีผลกระทบที่แตกต่างกันในมุมมองนักเทรด แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสภาพตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
ถ้าเงินเฟ้อมาสูง เราต้องมองหาสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ แต่ถ้าเงินฝืดมาแรง การถือเงินสดหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอาจเป็นทางรอด หมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจและปรับกลยุทธ์ให้ทัน เกมเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้ารู้ทัน เราก็ชนะ!
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
