简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
Position Sizing ช่วยคำนวณขนาดการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละครั้งได้
บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอความสำคัญของการจัดการการเงินในตลาด Forex โดยเฉพาะการจัดการขนาดความเสี่ยงหรือ Position Sizing ซึ่งช่วยนักเทรดกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อลดความเสียหายและสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน โดยมีขั้นตอนการคำนวณขนาด Position ที่ประกอบด้วยการกำหนดจุด Stop Loss ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขนาด Lot และการคำนวณ Lot Size การทำ Position Sizing ช่วยให้นักเทรดควบคุมความเสี่ยงและสร้างกำไรอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดที่ผันผวน

สวัสดีนักเทรดทุกท่าน! วันนี้แอดเหยี่ยวจะพามาทำความรู้จักกับศาสตร์แห่งการจัดการการเงิน หรือ Money Management ซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายรวมกันเพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือ Risk Management ซึ่งครอบคลุมหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดการลงทุน ความน่าจะเป็น โอกาส และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk Reward Ratio)
สำหรับวันนี้ แอดเหยี่ยวจะขอเน้นเฉพาะในส่วนของ Position Sizing หรือการจัดการขนาดความเสี่ยงที่จะลงทุน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้พอร์ตการลงทุนของนักเทรดสามารถทนต่อความผันผวนในช่วงที่พอร์ตเจอกับ Drawdown ได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเทรดของทุกคนครับ!
.
Position Sizing คืออะไร?
Position Sizing เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) สำหรับการเทรด Forex โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคำนวณขนาดการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง ช่วยจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรด เหมือนกับการเล่นเกมที่ต้องวางเดิมพันเงิน ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดในครั้งเดียวแล้วพลาด ก็อาจจะเสียหายจนเกมต้องจบลง แต่หากแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ แล้วเล่นอย่างระมัดระวัง ก็จะมีโอกาสอยู่รอดในเกมได้ยาวนานขึ้น
การเทรดโดยไม่คำนวณขนาด Position ของการลงทุนจะทำให้มีความเสี่ยงสูงเกินไป และยากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว เนื่องจาก Position Sizing จะช่วยควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ให้การเติบโตของพอร์ตเป็นไปอย่างมั่นคง เป็นการเทรดที่เน้นความรอบคอบ แตกต่างจากการเสี่ยงโชคซึ่งมักมีการแกว่งตัวของพอร์ตที่รุนแรง
ความแตกต่างระหว่าง Money Management และ Position Sizing
นักเทรดบางคนอาจสงสัยว่า Money Management กับ Position Sizing นั้นเหมือนกันหรือไม่ จริงๆ แล้ว ทั้งสองอย่างนี้ต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
- Money Management คือภาพรวมของการจัดการเงินทุนทั้งหมด ประกอบด้วยหลายด้าน เช่น การตั้งเป้าหมายการลงทุน การวางแผนการออม การจัดสรรเงินทุน และการบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
- Position Sizing เป็นส่วนหนึ่งของ Risk Management ที่มุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงในแต่ละการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น แม้ว่า Position Sizing จะเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในแผนการบริหารเงินทุน แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักเทรดรักษาเสถียรภาพของพอร์ตและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรดแต่ละครั้ง
.
ขั้นตอนการคำนวณขนาด Position Size ที่เหมาะสม
การทำ Position Sizing เป็นกระบวนการสำคัญในการจัดการความเสี่ยง โดยการคำนวณขนาด Position ที่เหมาะสมจะช่วยให้ความเสี่ยงของแต่ละออเดอร์สอดคล้องกับข้อกำหนดของระบบเทรดของเรา เพื่อให้เข้าใจวิธีการคำนวณ Position Size อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนดังนี้:

Step 1: กำหนดจุด Stop Loss
ขั้นตอนแรกของการคำนวณ Position Size คือการกำหนดจุด Stop Loss ซึ่งคือระดับราคาที่คุณจะออกจากการเทรดหากราคาตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับตำแหน่งที่เปิดไว้ การเลือกจุด Stop Loss ควรพิจารณาตามการวิเคราะห์ตลาด ไม่ใช่ตามขนาด Position ที่จะเปิด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดร้ายแรงที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เกินควบคุม
ในกรณีของ Forex ระยะของ Stop Loss สามารถวัดได้ในหน่วย pips โดยตัวอย่างเช่น:
- คุณเปิดออเดอร์ Long (Buy) ในคู่เงิน EUR/USD ที่ราคา 1.4000
- ตั้งจุด Stop Loss ไว้ที่ 1.3990
- ดังนั้น ระยะ Stop Loss ของคุณจะเท่ากับ 0.0010 หรือ 10 pips
เมื่อทราบจุด Stop Loss แล้ว ก็สามารถนำไปใช้ในการคำนวณขนาด Position ที่เหมาะสมต่อไป
Step 2: กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ในขั้นตอนนี้ เทรดเดอร์จะต้องถามตัวเองว่า “เรายอมรับการขาดทุนได้เท่าไหร่ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง?” การกำหนดระดับความเสี่ยงนี้จะช่วยให้คุณควบคุมการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม โดยปกติแล้ว เทรดเดอร์มักกำหนดความเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดพอร์ต เช่น:
- หากคุณมีพอร์ตขนาด 100,000 ดอลลาร์ และรับความเสี่ยงได้ 2% ต่อการเทรด หมายความว่าคุณยอมขาดทุนสูงสุด 2,000 ดอลลาร์ ต่อการเทรดแต่ละไม้
ความเสี่ยงที่แตกต่างกันจะส่งผลให้ผลลัพธ์และเสถียรภาพของพอร์ตแตกต่างกันตามไปด้วย หากคุณเลือกความเสี่ยงที่สูง โอกาสในการสร้างผลตอบแทนก็อาจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงในการขาดทุนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เทรดเดอร์ควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมตามเป้าหมายและสไตล์การเทรดของตนเอง
| ขนาดพอร์ต | 1% | 3% | 5% |
| $ 100,000 | $ 1,000 | $ 3,000 | $ 5,000 |
| $ 500,000 | $ 5,000 | $ 15,000 | $ 25,000 |
| $ 1,000,000 | $ 10,000 | $ 30,000 | $ 50,000 |
| $ 2,500,000 | $ 25,000 | $ 75,000 | $ 125,000 |
Step 3: พิจารณาขนาด Lot และค่า Pip
ในการเทรด Forex ขนาดของ Position Size จะถูกกำหนดเป็นจำนวน Lots โดยแต่ละประเภท Lot จะมีค่า Pip ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่า Pip คือจำนวนเงินที่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของราคาตลาดในแต่ละหน่วย (pip) ขนาด Lot ในการเทรดจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
- Standard Lots: 1 pip มีค่าเท่ากับ $10
- Mini Lots: 1 pip มีค่าเท่ากับ $1
- Micro Lots: 1 pip มีค่าเท่ากับ $0.1
เมื่อเลือกประเภท Lot ในการเทรด เทรดเดอร์สามารถกำหนดขนาดของ Position ได้ตามความเหมาะสม เช่น การเทรด 10 Micro Lots จะเทียบเท่ากับ 1 Mini Lot และการเทรด 10 Mini Lots จะเทียบเท่ากับ 1 Standard Lot
การตรวจสอบค่า Pip ในคู่สกุลเงินต่างๆ
นอกจากนี้ ค่า Pip จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงิน เช่น คู่เงิน EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น เทรดเดอร์สามารถใช้เว็บไซต์เช่น mataf.net เพื่อตรวจสอบค่า Pip ที่แม่นยำสำหรับแต่ละคู่สกุลเงิน โดยค่า Pip ที่แสดงนี้จะช่วยให้คุณคำนวณ Position Size ได้แม่นยำขึ้นตามสกุลเงินที่คุณกำลังเทรด
Step 4: คำนวณ lot size
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ตรงนี้ให้เรานำขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าว มาหาขนาด lot ที่จะเปิด โดยใช้สูตร
(ความเสี่ยงต่อการเทรด) / (Stop Loss ในหน่วย pips) = จำนวน Mini Lots (ใช้ Mini เพราะ 1 pip = $1)
ยกตัวอย่างเช่น:
- พอร์ตของคุณ = $2,000
- กำหนดความเสี่ยงที่ 2% = $40
- Stop Loss = 50 pips
- คำนวณ Lot ได้ = $40 / 50 = 0.8
นั่นหมายความว่า คุณควรเปิด 0.8 Mini Lots หรือ 8 Micro Lots นั่นเองครับ

เห็นไหมละครับว่า ไม่ยากเลย เพียง 4 ขั้นตอนก็สามารถคำนวณหา Position size ในการเทรดได้แล้ว ลองนำหลักการดังกล่าวไปใช้ เพื่อให้การเทรดของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปกันนะครับ
สรุป
การทำ Position Sizing คือการคำนวณขนาดที่เหมาะสมของแต่ละออเดอร์ เพื่อให้ความเสี่ยงของพอร์ตอยู่ในระดับที่คงที่ ช่วยควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและมีโอกาสสร้างกำไรตามระบบเทรดที่วางไว้ นอกจากนี้ Position Sizing ยังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการการเงิน ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการเทรดอย่างมั่นคงในตลาดที่มีความผันผวน
ขอบคุณข้อมูลจาก forexthai
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

อยากเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว แต่ก่อนจะลาออกชาวออฟฟิศต้องทำสิ่งนี้!!
ก่อนจะลาออกจากงานประจำเพื่อเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมความพร้อมทางการเงินและเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถรับมือความเสี่ยงในตลาดได้อย่างมั่นใจ สิ่งที่ควรทำได้แก่ การเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน 6–12 เดือน ใช้สิทธิ์ประกันสังคมและเงินชดเชยว่างงาน จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างเหมาะสม ขอคืนเงินประกันการทำงาน และเก็บเอกสารสำคัญจากนายจ้างให้ครบ การเตรียมตัวเหล่านี้ช่วยให้การก้าวสู่ชีวิตเทรดเดอร์เต็มเวลาราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

"ค่า Spread คือดาบสองคม"สิ่งที่มือใหม่ต้องระวังก่อนเทรดจริง
บทความนี้อธิบายความสำคัญของค่า Spread ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่นักเทรดต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ในตลาด Forex แม้จะเป็นตัวเลขเล็ก ๆ แต่มีผลโดยตรงต่อกำไร โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้กลยุทธ์ที่ต้องเปิด–ปิดออเดอร์บ่อยอย่าง Scalping หรือ Day Trading ค่า Spread ที่สูงสามารถลดทอนผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญ นักเทรดมือใหม่จึงควรให้ความสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ ระวังช่วงตลาดผันผวนที่ Spread อาจขยายตัว และนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาคำนวณรวมในระบบบริหารความเสี่ยง บทความสรุปว่า การเข้าใจและจัดการ Spread อย่างถูกต้องจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการเทรด และเสริมความมั่นใจในการทำกำไรในตลาด Forex

ฟอเร็กซ์ vs หุ้น ความเสี่ยงตัวไหนแรงกว่า? เจาะลึกด้วยหลัก Money Management
บทความนี้อธิบายความเสี่ยงของการลงทุนในตลาด Forex และตลาดหุ้น โดยชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงไม่ได้เกิดจากตัวตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการใช้ Leverage การบริหารเงิน และวินัยของเทรดเดอร์เป็นหลัก Forex ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากความผันผวนรวดเร็วและ Leverage สูง ขณะที่หุ้นมีความผันผวนต่ำกว่าและควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีระบบ Money Management ที่ดี Forex ก็สามารถลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสได้เช่นกัน สรุปคือ การเลือกตลาดควรพิจารณาจากสไตล์และวินัยของผู้ลงทุนมากกว่าตัวตลาดเอง.

เช็กปฏิทินข่าวสำคัญประจําสัปดาห์! มีเหตุการณ์อะไรน่าติดตามบ้าง
ปฏิทินข่าว Forex และเหตุการณ์สำคัญประจําสัปดาห์
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
Vantage
fpmarkets
D prime
FXTM
FOREX.com
JustMarkets
Vantage
fpmarkets
D prime
FXTM
FOREX.com
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
Vantage
fpmarkets
D prime
FXTM
FOREX.com
JustMarkets
Vantage
fpmarkets
D prime
FXTM
FOREX.com
