วิเคราะห์ทิศทาง 'XAUUSD' ของวันนี้

สรุป ราคาทองคํา วานนี้ปิดปรับตัวลดลง 38.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 412,000 รายในสัปดาห์ ที่แล้วซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ศ. แต่โดยราคาทองคํายังคงปรับตัวต่อเนื่อง

โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปี 2023 พร้อมกับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งใน GDP อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ ประกอบกับเฟตได้ส่งสัญญาณเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งถือเป็นสัญญาณการเตรียมชะลอการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

สถานการณ์ดังกล่าวยังคงหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก +0.55% แตะระดับ สูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 92.008 และเป็นการแข็งค่า 2 วันติดต่อกันที่มากที่สุดในรอบ 15 เดือนซึ่งเป็นปัจจัยกดดันอย่างหนักต่อทองคํา นั่นทําให้ราคาทองคําร่วงหลุดแนวรับทางจิตวิทยา บริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหลุดลงมาเคลื่อนไหวต่ํากว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 50, 100 และ 200 วันจนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่เป็น ลบมากขึ้นอยู่เบื้องหลังการดิ่งลงแตะระดับต่ําสุดในรอบ 5 สัปดาห์บริเวณ 1,867 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายเมื่อวานนี้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.79 ต้นสู่ระดับ 1,041.99 ต้น สําหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) และวันนี้ไม่มีกําหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

ราคาฟื้นตัวขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงแรงต่อเนื่อง อาจเห็นการแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานราคา ระหว่างวันหากราคา ทองคําไม่หลุด 1,771-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,797-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก ราคาจะอ่อนตัวลงต่อประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,751-1,733 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คําแนะนํา เน้นทํากําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดย เสี่ยงเข้าซื้อโซนแนวรับบริเวณ 1,771-1,767 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด) และหากราคาขยับขึ้นควร แบ่งขายทํากําไรบางส่วนหากราคาทองคําไม่ผ่านโซน 1,797-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์